วันอาทิตย์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2562

You are my sunshine


“ไม่มีเธอโลกใบนี้ก็เหมือนเดิม เพียงแต่ทุกสิ่งดูว่างเปล่า”

เคยมีคนพูดไว้ว่า เราอาจเป็นแค่ใครคนหนึ่งบนโลกใบนี้ แต่สำหรับคนบางคน…เราอาจจะเป็นโลกทั้งใบของเขาก็ได้ เพียงแต่เราจะรู้ตัวหรือไม่เท่านั้น

เหมือนในเรื่อง “ You are my sunshine” ที่บอกเล่าเรื่องราวความรักของ “เหออี้เฉิน” และ “จ้าวโม่เซิง” ที่มีจุดเริ่มต้นมาจากภาพถ่ายสองใบ จุดเริ่มต้นสองครั้ง กับคนสองคน


เรื่องราวของเขาและเธอเริ่มต้นแบบย้อนกลับ เมื่อรูปถ่ายของโม่เซิงที่อี้เฉินพกติดตัวไว้ตลอดเวลาทำให้เขาและเธอได้มีโอกาสกลับมาพูดคุยกันอีกครั้ง หลังจากเลิกราและจากกันไปนานถึง 7 ปี ถ้าเป็นพรหมลิขิตที่ทำให้คนสองคนรักกัน แล้วเพราะอะไรที่ทำให้พวกเขาแยกจากโดยไม่ร่ำลา

โม่เซิงในวันที่มีความรักเมื่อเจ็ดปีก่อน เธอเป็นสาวน้อยหน้าตาน่ารัก สดใสร่าเริง เกิดมาไม่เคยลำบากเพราะเป็นลูกสาวคนเดียวของนักธุรกิจใหญ่ ไม่มีเรื่องทุกข์ร้อนใดๆ ให้ต้องกังวล วันหนึ่งขณะกำลังเดินถ่ายรูปรอบๆ มหาวิทยาลัย เธอเห็นหนุ่มน้อยหน้าตาดีคนหนึ่งเข้าเลยแอบถ่ายรูปของเขาเก็บไว้


เจ้าของรูปถ่ายควรเป็นใคร เป็นของคนถ่ายหรือคนถูกถ่าย แต่สำหรับโม่เซิง…เธอพยายามเอารูปที่เธอถ่ายไปให้เขา…อี้เฉิน คนหัวดีเรียนเก่งที่สุดในคณะ มีความสามารถจนหลายคนต้องอิจฉา แต่เพราะฐานะทางบ้านของอี้เฉินไม่ดีนัก เขาจึงตั้งใจเรียนมากและไม่สนใจเรื่องความรัก

เมื่อโม่เซิงเอารูปมาให้และแสดงออกว่าชอบเขา พอมีเวลาว่างก็คอยตามมาอยู่ใกล้ๆ ในทุกที่ อี้เฉินที่แสดงออกอย่างเฉยชาในตอนแรกก็ค่อยๆ ยอมรับในตัวโม่เซิง ทุกคนที่รู้เรื่องนี้ต่างรู้สึกเหมือนกันว่าโม่เซิงช่างเป็นผู้หญิงใจกล้าที่จีบผู้ชายก่อน เลยทำให้อี้เฉินต้องยอมเป็นแฟนด้วยอย่างเสียไม่ได้เพราะโม่เซิงคอยตามเขาต้อยๆ ขนาดนั้น

แต่เมื่อวันหนึ่งมีเหตุการณ์ที่ทำให้เขาและเธอจากกันไป ในวันที่กลับมาเจอกันอีกครั้ง โม่เซิงก็ได้แต่แปลกใจว่าทำไมในกระเป๋าสตางค์ของผู้ชายที่เย็นชาแบบอี้เฉินถึงยังเก็บรูปเธอไว้ มันเจ็ดปีแล้ว…เป็นเจ็ดปีที่ยาวนานเหลือเกินสำหรับเธอ

เมื่อมีความรัก…การแสดงออกของคู่รักแต่ละคู่ไม่เหมือนกัน คงไม่มีใครปฏิเสธว่าการแสดงความรักต่อกันเป็นสิ่งดีที่ทำให้ความสัมพันธ์ของคู่รักคู่นั้นอบอุ่นขึ้น

แต่ในความรัก…คนที่แสดงออกน้อยกว่าไม่ใช่คนที่รักน้อยกว่าเสมอไป

เราไม่สามารถวัดปริมาณความรักของใครได้โดยดูจากการแสดงออกของเขา เวลาเท่านั้นที่จะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าความสัมพันธ์ที่เรามีอยู่นั้นมัน “จริง” แค่ไหน

เมื่อห่างกันไปแล้วยังคิดถึงกันอยู่หรือไม่ โลกของเราดูอ้างว้างแค่ไหนเมื่อไม่มีเขา

นั่นคือคำถามที่เหออี้เฉินและจ้าวโม่เซิงต่างก็อยากรู้คำตอบของอีกฝ่าย…เช่นกัน



Boombayah ทีม 2 (Produce 48)


“ถ้ามันไม่ใช่สิ่งที่เธออยากทำ เธอจะไม่ลองทำมันเลยใช่ไหม ?”

เป็นคำพูดที่ครูสอนร้องเพลงถามเด็กๆ ในรายการ Produce 48 รายการที่ผู้เข้าแข่งขันจะอยู่หรือไปขึ้นอยู่กับผลโหวตจากผู้ชมทางบ้านออกอากาศมาแล้วสามซีซัน วันนี้จะขอพูดถึงซีซัน 3 ที่เพิ่งจบไปเมื่อปีที่แล้ว ได้ผู้ชนะมา 12 คน เดบิวต์ในชื่อ Izone

เดบิวต์คืออะไร…การเดบิวต์ในวงการบันเทิงเกาหลีและญี่ปุ่น หมายถึงคนๆ นั้นจะได้โปรโมตเป็นศิลปินเต็มตัว ในวงการเพลงถ้าออกผลงานเดี่ยวเรียกว่า “โซโล”วงผู้ชายคือ “บอยแบรนด์” แต่ถ้าเป็นผู้หญิงเรียก “เกิร์ลกรุ้ป”

ผู้เข้าแข่งขันในรายการนี้หน้าตาน่ารัก เด็กส่วนหนึ่งมาจากค่ายผลิตศิลปินของประเทศเกาหลี และอีกส่วนมาจากวงเกิร์ลกรุ๊ปที่เดบิวต์แล้วอย่าง AKB48 ประเทศญี่ปุ่น

ถ้าใครรู้จักเพลงคุ๊กกี้เสี่ยงทาย “แอบมองเธออยู่นะจ้ะ เธอไม่รู้บ้างเลย…” กลุ่มศิลปินไทยที่ร้องเพลงนี้ก็อยู่ในเครือของ AKB48 ด้วย

ตอนที่จะพูดถึงคือการแข่งในรอบที่ 2 ของรายการ หลังจากที่เด็กทุกคนผ่านรอบแรกมาแล้ว ตอนนี้ล่ะจะเห็นได้ชัดว่าความสามารถของแต่ละคนเป็นอย่างไร

เด็กเกาหลีและญี่ปุ่นต่างกันมาก ฝั่งเกาหลีจะร้องและเต้นเก่งกว่า ตรงข้ามกับเด็กญี่ปุ่นที่ถึงแม้จะเดบิวต์แล้ว แต่การแสดงยังเป็นสไตล์คิกขุอาโนเนะ เน้นความสนุกสนานมากกว่าความพร้อมเพรียงกัน มีไม่กี่คนเท่านั้นที่แสดงได้ดี

วันนี้จะพูดถึงทีม “บูมบายาห์ 2” ที่ถูกก่อตั้งและรวมตัวกันโดยไม่ได้นัดหมาย สาเหตุเพราะไม่มีใครเลือกให้เข้ากลุ่มด้วย จึงถูกจับเอามารวมกัน มีเด็กญี่ปุ่น 4 และเกาหลี 2 คน

คนเก่งที่สุดในทีมคือ “ฮันโชวอน” นอกนั้นอยู่ในฐานที่ต้องทำใจ คนเต้นไม่เก่งแล้วได้เพลงนี้เหมือนโดนน็อคกลางอากาศ แต่เพราะพวกเธอไม่มีสิทธิ์เลือก หลังจากที่แพ้ในเกมส์ที่ผู้ชนะได้รางวัลเป็นการเลือกทีมที่ตนจะแข่งด้วยไป

ทีม “บูมบายาห์ 1” ตั้งใจเลือกพวกเธอ เพราะเห็นแล้วว่าฝีมือน่าจะเอาชนะได้ไม่ยาก ซึ่งทุกคนรวมถึงเด็กๆ ในทีมบูมบายาห์ 2 เองก็รู้สึกแบบนั้น...ไม่น่ารอดแน่ๆ ถ้าใครรู้จักเพลงของ “แบล็กพิงก์” คงพอนึกภาพออกว่าคนจะเต้นเพลงนี้ได้ต้องเก่งขนาดไหน



ในช่วงแรกของการฝึกเด็กๆ ไม่มั่นใจเลย บูมบายาห์เป็นเพลงที่ต้องร้องและเต้นด้วยความมั่นใจ แต่ห้าคนในกลุ่ม (ยกเว้นโชวอน) ร้องพึมพำและเต้นด้วยอาการชักกระตุกแบบเสียขวัญ

เวลาฝึกซ้อมพวกเธอกลัวที่จะเปล่งเสียงออกมา จนครูที่สอนต้องถามว่า “ถ้ามันไม่ใช่สิ่งที่เธออยากทำ เธอจะไม่ลองทำมันเลยใช่ไหม ?”

เด็กญี่ปุ่นในทีมนี้อย่าง “เอริ” และ “มินามิ” ที่ข้ามน้ำข้ามทะเลมาแข่งในรายการต่างชาติถูกดุก็ยิ่งตกใจ แต่ก่อนจะถอดใจหนีไปนั้น คุณครูที่สอนพวกเธอก็พูดต่อว่า

“มาทำมันให้ดีกันเถอะ ครูอยู่ตรงนี้ก็เพื่อช่วยให้พวกเธอทำการแสดงได้ดีขึ้น แต่ถ้าเธอไม่ทำอะไรเลยแล้วครูจะช่วยแนะนำยังไง”

อาจเพราะคำพูดประโยคนั้นและกำลังใจจากเพื่อนทุกคนในทีม (หรือจะเรียกว่าผู้ร่วมชะตากรรมเดียวกันก็คงได้) เด็กๆ เริ่มฝึกร้องและเต้นอย่างตั้งใจ อาจพูดได้ว่าพวกเธอดูมีความสุขมากขึ้นกว่าเดิมด้วย

ในวันแข่งทั้งคนดูและครูต่างก็ลุ้นพอๆ กัน...จะรอดไหมหนอ

ผิดคาด...การแสดงวันนั้นทุกคนในทีมบูมบายาห์ 2 ทำออกมาได้ดี แม้จะไม่หนักแน่นเท่ากลุ่ม 1 แต่กลับดูมีเสน่ห์ ความตั้งใจทำให้การเต้นดูน่ารักและแข็งแรงเท่าที่พวกเธอจะสามารถทำมันออกมาได้

เมื่อถึงเวลาประกาศผลโหวต ทีมบูมบายาห์ 2 คิดไว้แล้วว่าตัวเองคงต้องแพ้ เพียงแต่ไม่รู้ว่าคะแนนจะย่ำแย่แค่ไหน แต่ผลที่ออกมาพลิกผันแบบคาดไม่ถึง พวกเธอชนะด้วยผลโหวตจากคะแนนของผู้ชมในห้องส่งที่เทให้อย่างท้วมท้น

เรื่องนี้บอกอะไรเราได้บ้าง…

อย่างแรก…เวลาเราจะชอบหรือเชียร์ใครสักคนนั้น เราไม่ได้ชอบเพราะเขาเก่งเพียงอย่างเดียว ถ้าไม่อย่างนั้นทีมบูมบายาห์ 1 คงชนะไปแล้ว แต่เราเชียร์ใครเพราะเห็นถึงความมี “อะไร” บางอย่างในตัวคนๆ นั้น

“อะไร” ที่ว่าไม่ใช่ความเก่ง แต่มันคือความตั้งใจ ทุ่มเท และมีความพยายามมากพอที่จะทำให้เราเอาใจช่วย ยิ่งรู้ว่าตัวเองต้องแพ้แต่ก็ยังสู้ต่อ…ยิ่งน่าประทับใจ

อย่างที่สอง…เมื่อถึงเวลาวิ่งตามความฝัน หรือต้องทำอะไรสักอย่างที่ยากจะไปถึง แม้จะหวาดกลัวแต่ก็ขอให้กล้าที่จะเริ่มต้น เพราะกุญแจไขประตูแห่งความสำเร็จมีเพียงดอกเดียวเท่านั้นคือ “การลงมือทำ”
ทำทั้งๆ ที่กลัว ทำทั้งๆ ที่รู้ว่าทำไม่ได้ การเริ่มต้นและหมั่นฝึกฝนจะทำให้สักวันคนๆ นั้นประสบความสำเร็จ

แม้ว่าชัยชนะจะดูงดงามเหลือเกินเวลาที่เราคว้ามันไว้ได้ แต่ในความเป็นจริงของชีวิต จะแพ้หรือชนะไม่สำคัญเท่าสิ่งที่เราควรได้รับกลับมาจากการแข่งขัน สิ่งนั้นคือ “หัวใจของความเป็นนักสู้” ที่เกิดขึ้นจากความกล้าที่จะลงมือทำ ลองดูซักครั้งทั้งๆ ที่กลัว




Credit Video
  • ดูวิดีโอซับไทยการเรียนของทีมบูมบายาห์ 2 ได้ที่ URL : https://youtu.be/sYvHN-n6xpg
  • ดูวิดีโอการแสดงของทีมบูมบายาห์ 2 ได้ที่ URL : https://youtu.be/e8W7hs95hYI
#บูมบายาห์
#Boombayah
#BLACKPINK
#Produce 48
#สนามอ่านเล่น

Mr. Sunshine (4)


“อันความรัก...” (2)

…โกแอชินถูกญี่ปุ่นจับได้ว่าทำงานในขบวนการกู้ชาติซะแล้ว…

จากครั้งก่อนที่พูดถึงยูจินชเว และความรักของเขาที่มีต่อโกแอชิน ตอนที่รู้ว่าเธอตกที่นั่งลำบากไม่ได้มีผลแค่กับเขาเท่านั้น แต่ยังสะเทือนไปถึงผู้ชายอีกสองคนด้วย…กูดงแมและคิมฮีซอง


โกแอชินมีทางเลือกที่จะหนี ถ้าเลือกยูจิน เขาจะพาเธอกลับสหรัฐไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ หากเป็นกูดงแมคงยอมตายเพื่อทำทุกทางให้เธอหนีรอด หรือคิมฮีซองที่มีทั้งเงินและเส้นสาย เขาคงแทบอุ้มเธอออกมาจากเส้นทางอันตรายที่เคยเดิน



เพียงแต่โกแอชินตัดสินใจแล้วและไม่คิดจะหันหลังกลับ ทั้งความสบาย ตำแหน่งคุณหนูที่สูงส่ง สิ่งต่างๆ ที่เคยมีล้วนไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการ วันที่โชซอนเป็นอิสระไม่ต้องตกเป็นเบี้ยล่างใครต่างหากที่เธออยากเห็น

พ่อแม่ของโกแอชินก็เคยเลือกเดินบนเส้นทางนี้ พวกเขาจากไปเพราะถูกคนขายชาติทรยศ แม้จะไม่เคยได้เจอหน้าผู้ให้กำเนิด แต่เธอสัญญากับตัวเองแล้วว่าจะเป็นฟันเฟืองเล็กๆ ที่คอยช่วยเหลือโชซอนเหมือนพ่อแม่ เป็นอุดมการณ์ที่ตั้งมั่นว่าจะทำต่อไป

โกแอชินได้รู้จักกับ “คุโด ฮินะ” เจ้าของโรงแรมแห่งหนึ่ง แม้จะใช้ชื่อญี่ปุ่นแต่จริงๆ แล้วเธอเป็นคนโชซอนที่เปลี่ยนชื่อและปกปิดตัวตนที่แท้จริงไว้


ฮินะเป็นคนสวย สวยจัดทีเดียว เย้ายวนจนผู้ชายต้องหันกลับมามองอีกครั้ง เธอทำงานเป็นสายลับให้โชซอน เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวที่มีทำให้รู้เท่าทันทุกคนว่ากำลังทำอะไรอยู่ เธอฉลาดเป็นกรด…ไม่อย่างนั้นคงไม่สามารถเป็นเพื่อนกับกูดงแมที่ขึ้นชื่อว่าน่ากลัวคนนั้นได้

เป็นเพื่อน…แต่จริงๆ แล้วฮินะแอบชอบกูดงแมอยู่ ถึงจะรู้ว่าในใจเขาไม่เหลือที่ว่างไว้สำหรับใครอีกแล้วนอกจากโกแอชิน

 โง่งมงายเหลือเกิน ฮินะเคยว่ากูดงแมไว้…แต่สุดท้ายทั้งเขาและเธอต่างก็โง่งมงายพอๆ กัน

กูดงแมสงสารที่เธอรักเขา หรือเห็นใจประวัติชีวิตของเธอก็สุดจะรู้ เขาถึงทำตัวเป็นเพื่อนที่ดีของเธอเสมอมา เขาคงเข้าใจความรู้สึกของคนที่เป็นฝ่ายรัก…แต่ไม่ถูกรักว่าเป็นอย่างไร


พูดถึงความรักของกูดงแม โกแอชินจำเขาได้ดี มันคงเป็นนิสัยชอบช่วยเหลือคนอื่นที่ติดตัวมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ที่ทำให้เธอตัดสินใจเรียกเด็กผู้ชายคนนั้นเข้ามาซ่อนในเกี้ยว

นอกจากจะไม่ได้คำขอบคุณแล้ว โกแอชินยังต้องสะเทือนใจกับคำพูดของเขา ดูถูกกันเหลือเกินที่มองว่าชนชั้นสูงแบบเธอใช้ชีวิตสวยหรูไปวันๆ

เมื่อเจอกันอีกครั้งกูดงแมกลับมาในฐานะคนของญี่ปุ่น โกแอชินไม่เสียใจเลยที่ครั้งหนึ่งเคยช่วยชีวิตเขาไว้ แค่เสียดายที่เขารังแกคนโชซอนแทนที่จะช่วยเหลือกัน

ที่ผ่านมากูดงแมเป็นคนหนึ่งที่เธอไม่เคยลืม คำพูดของเขาที่ทำร้ายเธอในวัยเด็กช่างแตกต่างกับการกระทำที่ทุ่มเทให้เมื่อเจอกันอีกครั้ง

แต่อย่างไรคนที่เธอรักก็ไม่ใช่เขา เหมือนที่เธอไม่เคยรักคิมฮีซองในฐานะคู่หมั้น ผู้ชายที่โกแอชินรักมีเพียงคนเดียวเท่านั้น เขาคือยูจินชเวที่กำลังจะเดินทางกลับสหรัฐตามคำสั่งเรียกตัว

ในความรักของโกแอชิน เมื่อต้องเลือกระหว่างคนที่เธอรักและประเทศชาติ เธอเลือกโชซอนและละทิ้งผู้ชายที่เธอรักเหลือเกินไว้...เพียงแต่ ผู้ชายที่รักเธอทั้งสามคนไม่ยอมปล่อยเธอให้โดดเดี่ยว เหมือนที่เธอไม่เคยทอดทิ้งโชซอน

ถ้าถามว่าผู้หญิงอย่างโกแอชินมีอะไรดี ทำไมผู้ชายทั้งสามคนถึงพากันหลงรัก เพราะสวย ชาติตระกูลดี เพียบพร้อมขนาดนั้นเลยหรือ พวกเขาถึงยอมอุทิศตัวเพื่อเธอขนาดนั้น

ถามต่อไปว่า...คนเราต้องมีความกล้าหาญมากแค่ไหน ถึงจะสามารถเดินหน้าต่อไปได้ ทั้งๆ ที่รู้ว่าตัวเองกำลังเดินไปตาย

เพื่อคำว่าประเทศชาติ โกแอชินยอมละทิ้งตัวเองและคนที่เธอรัก ชีวิตของเธอแสดงความหมายของการมีชีวิตอยู่เพื่อเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่กว่าการรักตัวเอง...ที่น่าจะเป็นความรักที่ยิ่งใหญ่และเห็นแก่ตัวที่สุด

ถ้าหากไม่มีแผ่นดินเกิดที่เคยอยู่อาศัย ไม่เหลือความภาคภูมิใจในแผ่นดินแม่และรากเหง้าของตนเอง แล้วจะมีประโยชน์อะไรถ้าจะอยู่รอดปลอดภัยและสมหวังในความรัก

ต่อให้เราเปลี่ยนสัญชาติ เปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนทุกสิ่ง แต่เราไม่สามารถเปลี่ยนความจริงได้ว่าเราเกิดจากที่ไหน เป็นคนชาติใด

ในเรื่อง “Mr. Sunshine” ทุกครั้งที่โกแอชินทำงานในขบวนการกู้ชาติ เธอจะแต่งตัวเป็นผู้ชายเสมอ ไร้หน้า ไร้ชื่อ แต่เป็นช่วงเวลาที่สว่างไสวที่สุดในชีวิตของเธอ

“ความรักชาติ” ของโกแอชินเป็นแสงสว่างที่นำทางให้ผู้ชายที่รักเธอกลับมา “บ้าน” ของพวกเขาอีกครั้ง บ้านที่มีอดีตอันขมขื่น บ้านที่เคยไม่ต้อนรับเขา แต่ถึงอย่างไรก็ยังเป็น ”บ้าน” ที่เราไม่สามารถจะทอดทิ้ง และต้องทำทุกสิ่งเพื่อปกป้อง…แม้ต้องแลกด้วยชีวิต


Mr. Sunshine (3)


“อันความรัก...” (1)

เล่าถึงตัวเอกในเรื่อง “Mr. Sunshine” ไปแล้วสองคน วันนี้จะขอพูดถึงพระเอกของเรื่องบ้าง “ยูจินชเว” เป็นใคร และทำไม “โกแอชิน” ถึงรักและเลือกเขา


ในอดีตพ่อแม่ของยูจินเป็นทาสในครอบครัวของ “คิมฮีซอง” แต่ถูกรังแกจนเสียชีวิตทั้งคู่ เขาหนีไปใช้ชีวิตที่สหรัฐนานหลายสิบปี เมื่อกลับมาทุกอย่างในโชซอนเปลี่ยนไปมาก บ้านเมืองตกต่ำและวุ่นวาย ชาวต่างชาติหลั่งไหลเข้ามาในประเทศเพราะหวังตักตวงผลประโยชน์

ยูจินจำความขมขื่นในวัยเด็กที่ครอบครัวถูกกระทำได้ ความทรงจำนั้นทำให้เขาสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ช่วยเหลือใครในโชซอนอีก ตอนนี้เขาเป็นนายทหารประจำกองทัพเรือสหรัฐ มีตำแหน่งหน้าที่การงานดีจนคนต้องเกรงใจ ตัวเขาในวันนี้จะนั่งมองโชซอนค่อยๆ ล่มสลายในฐานะต่างชาติคนหนึ่ง



แต่ในความเป็นจริงสิ่งที่คิดไว้กับความเป็นจริงอาจสวนทางกันได้เสมอ เมื่อยูจินได้พบกับมือปืนลอบยิงในขบวนการกู้ชาติคนหนึ่งเข้า เธอคือ “โกแอชิน” คุณหนูในตระกูลขุนนางผู้สูงศักดิ์ หญิงสาวคนนั้นดูสวยและบอบบางเกินกว่าจะมาถือปืนอย่างที่เธอทำ

เมื่อทั้งคู่รู้จักกันมากขึ้น ความรู้สึกดีๆ ก็ค่อยๆ ก่อตัวเป็นความรักอย่างเงียบๆ ยูจินคอยช่วยเหลือโกแอชินทุกครั้งที่เธอตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก บางทีเขาก็อดถามตัวเองไม่ได้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ และทำไมผู้หญิงที่ชีวิตดีพร้อมอย่างเธอถึงต้องมาทำอะไรสุ่มเสี่ยงแบบนั้น

ถึงแม้ยูจินจะมีหน้าที่ต้องรายงานความเคลื่อนไหวต่างๆ ที่น่าสงสัยภายในโชซอนให้แก่กองทัพสหรัฐ แต่เขาเลือกปกปิดข้อมูลของโกแอชินที่เป็นขบวนการกู้ชาติไว้ เมื่อมีความรัก...ยูจินเป็นห่วงความปลอดภัยของโกแอชินมากกว่าตัวเขาเอง

หน้าที่ของยูจินทำให้เขาได้รู้จักกับ “กูดงแม” ยากูซ่าญี่ปุ่นอดีตลูกคนขายเนื้อในโชซอน ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะเรียกว่าเพื่อนก็ไม่ใช่ ศัตรูก็ไม่เชิง เมื่อต่างฝ่ายต่างก็ชอบผู้หญิงคนเดียวกัน เหตุการณ์หลายอย่างทำให้พวกเขาได้เจอกันบ่อยๆ และทุกครั้ง “คิมฮีซอง” คู่หมั้นของโกแอชินมักจะผ่านมาพบและร่วมวงคุยด้วยเสมอ

“ตีสนิท” ยูจินต้องใช้คำนี้กับเด็กคนนั้น อายุก็ห่างจากเขาและกูดงแมหลายปีแต่ก็ยังทำท่าทะเล้นใส่อย่างไม่กลัวถูกกูดงแมฆ่า เมื่อยูจินบอกคิมฮีซองว่าในอดีตปู่ของเขาเคยทำอะไรไว้บ้าง ความสำนึกผิดในสายตาของเด็กหนุ่มทำให้ยูจินรู้ว่าเขาเป็นคนดีไม่เหมือนปู่ของเขา

ยิ่งมีเหตุการณ์ที่คิมฮีซองยอมถอนหมั้นให้โกแอชินทั้งที่ตัวเขาเองก็รักเธอมาก ทำให้ยูจินซึ้งใจในมิตรภาพที่เขามีให้ คิมฮีซองยอมหลีกทางให้คนที่เขารักทั้งสองคนมีความสุข ความโกรธแค้นในใจของยูจินค่อยๆ หายไปพร้อมกับความเป็นเพื่อนที่เข้ามาแทนที่

โกแอชินรู้สึกเหมือนอยู่ในความฝัน คงเป็นฝันดีที่สุดถ้าสักวันเธอและยูจินจะมีโอกาสได้อยู่ด้วยกัน เขาเป็นผู้ใหญ่กว่าเธอมาก ใจเย็น สุขุมรอบคอบ ต่อให้เรื่องใหญ่แค่ไหนเข้ามากระทบ เขาก็จัดการได้อย่างเงียบเชียบและสงบ คอยดูแลและระวังอยู่ข้างหลังให้เธอเสมอ

ยูจินและโกแอชินเข้าใจกันโดยไม่ต้องพูด ความรักที่เกิดขึ้นหนักแน่น มั่นคง และเชื่อถือได้


ดูเหมือนยูจินเป็นคนโชคดีที่สมหวังในความรัก แต่จริงๆ แล้วรักของเขาแสนเศร้าเมื่อคนที่เขารักคือโกแอชิน ยิ่งรู้จักกันมากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งเห็นว่าผู้หญิงคนนี้ทำแต่เรื่องเสี่ยงอันตราย เธอไม่ห่วงชีวิตตัวเองเลยสักนิด ความหวังที่จะกอบกู้โชซอนทำให้โกแอชินยอมทำทุกอย่าง แม้แต่ใช้คนที่ตัวเองรักเป็นสะพานเพื่อให้งานสำเร็จเธอก็ทำ


แต่...ยูจินรักโกแอชินมาก เขารักผู้หญิงคนนี้ที่ยอมเสียสละชีวิตตัวเองเพื่อประเทศที่เธอรัก...ประเทศที่เขาตั้งใจหันหลังให้ เพราะเธอ…ทำให้เขาหันกลับมาดูบ้านเกิดเมืองนอนที่ละทิ้งไปอีกครั้ง ยูจินมองสิ่งที่เธอทำและบอกตัวเองว่าหนักเกินไปแล้วสำหรับผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่ง

เมื่อเรารักใครสักคนมากๆ คนๆ นั้นจะเข้ามามีอิทธิพลและเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตเราไปอย่างคาดไม่ถึง ยูจินเองก็เช่นกัน ชีวิตของเขาไม่เหมือนเดิมอีกแล้วเมื่อได้เจอกับโกแอชิน…แม้เธอจะไม่ได้ร้องขอให้เขาเปลี่ยนตัวเองเลยก็ตาม


บางครั้งความรักก็ทำให้เราสงสัย ความรักทำให้เราเปลี่ยน หรือเราเปลี่ยนเพื่อความรัก…


Mr. Sunshine (2)


                                                  “มิตรภาพและความรัก”

ในเรื่อง “Mr. Sunshine” มีตัวละครฝั่งชายหลักๆ สามคน คนแรกพูดถึงไปแล้วคือ “กูดงแม” (ซับน้ำตาเบาๆ) คนต่อไปที่จะพูดถึงนั้นเป็นตัวละครที่เกิดมามีชีวิตที่ดีมาก เขาคือ “คิมฮีซอง” ชายหนุ่มที่พรั่งพร้อมไปด้วยทรัพย์สินเงินทอง สมฐานะคุณชายในตระกูลขุนนางใหญ่

เขาเติบโตและใช้ชีวิตอย่างไม่มีแก่นสารเท่าไหร่นัก อาจเพราะเกิดมามีพร้อมแล้วทุกอย่างเลยไม่จำเป็นต้องดิ้นรนอะไรอีก
เมื่อไม่เคยเจอความลำบาก คิมฮีซองจึงคิดว่าการใช้ชีวิตเป็นเรื่องง่าย โลกดูสวยงามสำหรับเขา การถูกครอบครัวส่งไปเรียนที่ญี่ปุ่นทำให้คิมฮีซองปรับตัวเข้ากับคนอื่นได้ดี ไม่กลัวการเข้าสังคม เพราะประตูทุกบานเคยเปิดกว้างต้อนรับเขาเสมอ


“โกแอชิน” เป็นคู่หมั้นที่เขาถูกหมั้นหมายไว้ตั้งแต่เด็ก เขาไม่เคยเจอหน้าเธอมาก่อน ใจจริงเขาไม่ชอบเอาตัวเองไปผูกมัดกับใคร อยู่แบบลอยไปลอยมาก็มีความสุขอยู่แล้ว แต่พอเห็นหน้าโกแอชินครั้งแรก คิมฮีซองก็ตกหลุมรักคู่หมั้นตัวเองเข้าอย่างจัง

แต่เธอไม่ชอบเขา ในสายตาโกแอชิน คิมฮีซองเป็นผู้ชายเหลาะแหละเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ คนสำอางค์อย่างนี้เธอไม่อยากได้เป็นคู่ชีวิต อย่างมากก็เป็นได้แค่เพื่อนเท่านั้น...ถามหรือยังว่าคิมฮีซองต้องการเพื่อนหรือเปล่า เขาไม่อยากได้เพื่อน เขามีเพื่อนพอแล้ว ทั้งหัวหน้าแก๊งยากูซ่า “กูดงแม” และนายทหารระดับสูงของสหรัฐ “ยูจินชเว”

ถึงสองคนนั้นจะปฏิเสธความเป็นเพื่อนที่เขามีให้ และทำท่าเหมือนอยากจะฆ่าเขาทุกครั้งที่เจอกัน แต่คิมฮีซองรู้ดีว่าคนที่จะนั่งกินเหล้าปรับทุกข์ด้วยกันแบบนั้นบ่อยๆ ได้ ก็มีแต่คนที่ต้องรู้สึกว่าเป็นเพื่อนกันแล้วเท่านั้น

คิมฮีซองถูกคู่หมั้นปฏิเสธ พร้อมๆ กับที่รู้ว่าคนที่โกแอชินชอบคือเพื่อนของเขา กว่าจะทำใจยอมรับได้ก็ต้องกล้ำกลืนทั้งความเสียใจ เสียดาย อยากร้องก็ร้องไม่ออก หรือเขาต้องมีเพื่อนเพิ่มอีกคนจริงๆ

บางทีชีวิตก็สอนให้เรารู้ว่าไม่มีใครสมหวังตลอดไป เหมือนที่ไม่มีใครผิดหวังตลอดกาล ความรักที่ไม่ถูกเลือกสามารถแปรเปลี่ยนเป็นมิตรภาพดีๆ ได้ ขึ้นอยู่กับว่าเราจะปล่อยวางและเปิดใจได้มากแค่ไหน


การเลือกปล่อยมือจากคนที่เรารักเพื่อรักษาความสัมพันธ์ไว้ ทำให้ความรู้สึกดีๆ ระหว่างคนสองคนยังคงอยู่

ผู้ชายที่โกแอชินเคยเห็นว่าไม่ได้เรื่องไม่ได้ราวคนนั้น เมื่อถึงเวลาแสดงความรัก เขาก็เลือกให้ตัวเองเจ็บปวด มากกว่าจะทำให้เธอและเพื่อนของเขาต้องเสียใจ



เพราะคิมฮีซองเข้าใจดีว่า...ความรักไม่ได้มีรูปแบบเดียว และมิตรภาพก็เป็นสิ่งหนึ่งที่แทนเครื่องหมายของคำว่ารัก

Mr. Sunshine (1)


                                              “เมื่อเรารัก…คนที่ไม่รักเรา”

ซีรีส์เกาหลีที่จะเขียนถึงวันนี้คือเรื่อง “Mr. Sunshine “ ออกอากาศในปี 2018 คนอาจจะไม่ค่อยรู้จักมากนักแต่ส่วนตัวชอบเรื่องนี้มาก ตั้งใจจะเขียนถึงมาพักหนึ่งแล้ว แต่ตอนเดียวคงไม่จบ วันนี้เลยขอพูดถึงจุดเล็กๆ ที่เรียกว่า “รักข้างเดียว” ก่อนก็แล้วกัน

เรื่องของ “กูดงแม” ลูกชายคนขายเนื้อนั้นเต็มไปด้วยความเจ็บปวด เขามีชีวิตอย่างต่ำต้อยในสังคม เพราะคนขายเนื้อเป็นอาชีพของคนชั้นต่ำในโชซอนสมัยนั้น กูดงแมและครอบครัวถูกดูถูกเหยียดหยามสารพัดแม้จะไม่เคยทำผิดคิดร้ายกับใคร

พ่อแม่ของกูดงแมถูกรังแกบ่อยๆ เมื่อโดนมากๆ เข้า วันหนึ่งแม่ของเขาก็ทนไม่ไหวจนพลั้งมือฆ่าคนตาย แม่บอกให้กูดงแมหนีไปก่อนจะถูกคนในหมู่บ้านจับไปลงโทษ แต่จะไปไหนได้ในเมื่อเขาเป็นเด็กน้อยตัวเล็กแค่นั้น

แล้วจู่ๆ เด็กผู้หญิงคนหนึ่งก็เรียกกูดงแมให้เข้าไปหลบในเกี้ยวของเธอ ตอนที่เขานั่งสบตาคู่นั้นในเกี้ยว ทำไมเขาจะไม่เห็นความแตกต่างระหว่างลูกคนขายเนื้อที่หน้าตาเกรอะกรังเต็มไปด้วยฝุ่นกับคุณหนูหน้าตาสะอาดสะอ้านสวยงามคนนั้น เธอดูสูงส่ง มีเมตตา ความรู้สึกของกูดงแมอยากจะพูดขอบคุณในน้ำใจที่เธอมีให้ แต่ความไม่เท่าเทียมที่เขารู้สึกในตอนนั้นทำให้กูดงแมพูดจาร้ายกาจออกไปว่า “คุณก็แค่ขุนนางโง่เง่าที่ใช้ชีวิตสวยหรูไปวันๆ”


หลังจากวันนั้นกูดงแมหลบหนีออกนอกประเทศไปใช้ชีวิตในแก๊งยากูซ่าที่ญี่ปุ่น หลายปีต่อมาเขากลับมาที่โชซอนอีกครั้ง ไม่มีอีกแล้วลูกชายคนขายเนื้อที่ต่ำต้อยและถูกรังแก มีเพียง “อิชิดะ โช” หัวหน้าแก๊งยากูซ่าที่มีชื่อเสียงว่าเหี้ยมโหด สามารถฆ่าทุกชีวิตที่แลกเปลี่ยนเป็นเงินให้เขาได้

ในความคิดของกูดงแม ในเมื่อโชซอนไม่เคยปรานีเขา เขาก็ไม่จำเป็นต้องเมตตาสงสารใคร เพียงแต่…เขายังไม่ลืมเด็กผู้หญิงคนเดียวที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเขาในยามลำบาก คุณหนู “โกแอชิน” ผู้สูงศักดิ์

เมื่อกลับมาเจอกันครั้งนี้ สายตาที่เธอมองเขาแฝงไปด้วยความรังเกียจ กูดงแมคือคนทรยศชาติ ละทิ้งโชซอนไปภักดีกับญี่ปุ่น เธอไม่หวาดกลัวเขาเหมือนคนอื่นๆ ไม่ว่าจะยิ่งใหญ่แค่ไหนแต่เมื่อกูดงแมอยู่ต่อหน้าผู้หญิงคนนี้ เขาก็รู้สึกว่าตัวเองเล็กจ้อยและต้อยต่ำกว่าเธอเสมอ


กูดงแมเฝ้ามองคุณหนูโกแอชินอยู่ห่างๆ เธอสวยและบอบบางเหมือนดอกไม้ เขารู้ตัวดีว่าหลงรักเธอเข้าแล้ว อาจตั้งแต่สบตากันครั้งแรกในเกี้ยวหลังนั้น มันยืดเยื้อและยาวนานมาจนถึงวันนี้

แต่คุณหนูโกแอชินไม่แม้แต่จะชายตามองกูดงแมด้วยซ้ำ มันคงเป็นพรหมลิขิตที่ผิดพลาดหรือเวรกรรมชักนำให้เป็นไป เมื่อกูดงแมพบว่าคุณหนูโกแอชินเป็นหนึ่งในมือปืนลอบยิงของขบวนการกู้ชาติ เขาและเธอยืนอยู่คนละฝั่งในความขัดแย้งระหว่างโชซอนและญี่ปุ่น


เป็นเรื่องตลกของชีวิตกูดงแม ผู้ชายอย่างเขาสามารถร้ายกาจกับคนได้ทั้งโลก ยกเว้นผู้หญิงเพียงคนเดียวที่ช่วยชีวิตเขาไว้ และถ้าผู้หญิงคนนั้นจะยอมตายเพื่อปกป้องโชซอน เขาก็จะยอมตายเพื่อปกป้องเธอ

“คนโง่ ทำแบบนั้นทำไม”
“อย่าปกป้องโกแอชินเลย คุณจะตายเพราะเธอ” 
เคยมีผู้หญิงถึงสองคนที่รักกูดงแมอย่างจริงใจเคยเตือนเขาไว้แบบนั้น นั่นเป็นสิ่งที่บอกว่ากูดงแมเป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์ ถึงเขาจะเป็นยากูซ่าที่ฆ่าคนได้อย่างเลือดเย็น แต่ในอีกมุมหนึ่งของชีวิต กูดงแมก็สามารถปกป้องคนที่รักเขาได้เช่นกัน และนั่นเป็นคุณสมบัติที่ผู้หญิงส่วนใหญ่มองหาในตัวผู้ชายที่เธอจะรัก

เพียงแต่มันไม่ใช่สิ่งที่คุณหนูโกแอชินต้องการจากกูดงแม

เมื่อเรา “รัก” ใครสักคน เราต่างต้องการครอบครองความรักของคนๆ นั้น ถ้าไม่สมหวัง บางคนอาจจะโกรธ เสียใจ ผิดหวังจนสามารถทำอะไรหลายๆ อย่าง หรือแม้กระทั่งทำร้ายคนที่ตัวเองบอกว่ารัก

คิดดูแล้วจะมีสักกี่คนที่ทำได้อย่างกูดงแม ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น หรือแม้ไม่เคยได้รับความรัก แต่เขายังคงช่วยเหลือปกป้องคนที่เขารักอย่างจริงใจ สำหรับกูดงแม…ความรักสมบูรณ์แล้วเมื่อเขา “รัก” และเริ่มต้นทำสิ่งดีๆ มอบให้คนๆ นั้น


แม้ไม่ได้อยู่ในชีวิตและหัวใจของคนที่เขารัก แต่ขอเพียงในเศษเสี้ยวความทรงจำของเธอ…มีเขาอยู่บ้างก็พอ

Good doctor



บนโลกเรามีอาชีพมากมายหลายอย่าง แต่ถ้าพูดถึงอาชีพที่มีเกียรติและผู้คนให้ความนับถือเสมอมาแล้ว “หมอ” น่าจะเป็นหนึ่งในนั้น คนเป็นหมอสามารถช่วยเหลือคนไข้ได้ในเวลาเจ็บป่วย ซึ่งเป็นเวลาที่คนเราต้องการความช่วยเหลือมากที่สุด ดังนั้นอาชีพหมอจึงถูกสังคมมองและคาดหวังไว้สูงว่าจะต้องเก่งและดี

หมอที่เก่งและดีเป็นอย่างไร ซีรีส์ญี่ปุ่นเรื่อง “Good doctor” ได้ให้คำตอบไว้ผ่านตัวละครหลายๆ ตัวในเรื่องนี้ โดยเฉพาะ “ชินโด มินาโตะ” คุณหมออัจฉริยะที่เพิ่งเรียนจบได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่งการันตีความสามารถมาหมาดๆ เขาน่าจะเป็นคุณหมออนาคตไกลได้ไม่ยาก ถ้าไม่ใช่เพราะเขาเป็นออทิสติก



แม้มินาโตะจะเรียนเก่ง มีความจำเป็นเลิศ แต่หมอมีหน้าที่ช่วยชีวิตคน แบรนด์ที่ต้องมีติดตัวคือความน่าเชื่อถือ การตัดสินใจ การควบคุมสถานการณ์และอารมณ์ของตัวเองเวลาเจอปัญหา คนเป็นหมอถูกคาดหวังว่าต้องมีสิ่งเหล่านี้มากกว่าคนธรรมดาทั่วไป คนไข้ถึงจะกล้าฝากชีวิตของตัวเองหรือญาติพี่น้องไว้ในมือของหมอคนนั้น

ออทิสติกทำให้บุคลิกลักษณะของมินาโตะไม่เหมือนคนอื่น ความพิเศษนี้ทำให้เพื่อนร่วมงานและญาติคนไข้ไม่เชื่อใจ ทุกคนกลัวว่าเขาจะทำการรักษาได้ไม่ดี โดยเฉพาะเมื่อแผนกที่มินาโตะถูกส่งมาเริ่มงานคือศัลยกรรมเด็ก การรักษาเด็กต้องใช้ความละเอียดรอบคอบสูงมาก เพราะเด็กยังไม่สามารถดูแลตัวเองได้เหมือนผู้ใหญ่

มินาโตะต้องพิสูจน์ตัวเองผ่านความเป็นออทิสติกของเขา หัวใจของความเป็นหมอคือการอยากช่วยเหลือผู้อื่นให้พ้นจากความทุกข์ในความเจ็บปวดที่กำลังเผชิญ



มินาโตะมีสิ่งนั้น ความฝันของเขาคืออยากช่วยเด็กที่เจ็บป่วยให้มีโอกาสได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ ไม่เหมือนพี่ชายของเขาที่ต้องจากไปตั้งแต่ยังเด็กเพราะอุบัติเหตุ มินาโตะใส่ใจ ทุ่มเท ช่วยเหลือคนไข้ทุกคนที่เขาเจอ ที่สำคัญเขาเข้าใจในสิ่งที่คนไข้คิดและรู้สึก

ถึงมินาโตะจะเป็นออทิสติกแต่สิ่งที่เขา “เป็น” ไม่สามารถปิดกั้นในสิ่งที่เขา “มี” สิ่งนั้นคือความรู้สึกเอื้ออาทรและอยากช่วยเหลือผู้อื่นให้พ้นจากความทุกข์


เพราะนั่นคือหัวใจของความเป็นหมอ และเป็นหัวใจสำคัญของความเป็นคน…ที่เป็นตัวแทนคำว่า “เก่งและดี”