“เลี้ยงลูกอย่างไรให้สดใสเหมือนก้อนแป้ง”
รีวิวพ่อกับแม่ไปแล้ว จะไม่รีวิวลูกก็กระไรอยู่ “ก้อนแป้ง” หรือ “อาหลี” ในเรื่องสามชาติสามภพป่าท้อสิบหลี่นั้น เป็นเด็กผู้ชายที่เติบโตมากับคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยว “เยี่ยหัว” พ่อของก้อนแป้งเป็นรัชทายาทเผ่าสวรรค์ แน่นอนว่ามีภารกิจในแต่ละวันมากมาย แต่ถึงแม้จะมีงานยุ่งรัดตัวขนาดไหน เยี่ยหัวก็จะแบ่งเวลามาดูแลลูกเสมอ
ทุกๆ ปีเยี่ยหัวจะพาก้อนแป้งไปที่กระท่อมบนภูเขาจวิ้นจี๋ เพื่อระลึกถึงแม่ของเขาที่เป็นมนุษย์ “ซู่ซู่” กระท่อมบนภูเขาแห่งนี้เป็นสถานที่ที่พ่อและแม่ของเขาพบรักและแต่งงานกัน
ก้อนแป้งไม่เคยพบหน้าแม่ แต่เขารู้ว่าแม่หน้าตาเป็นอย่างไรจากรูปภาพที่พ่อแขวนไว้ในกระท่อมและในห้องนอนบนเผ่าสวรรค์ ในรูปแม่คาดผ้าแพรสีขาวที่ดวงตา พ่อเล่าว่าแม่เป็นผู้หญิงที่สวยมาก
แม่ของก้อนแป้งกระโดดลงมาจากแท่นประหารเซียนบนสวรรค์ แม่ของเขาคงไม่เป็นไร ชื่อแท่นก็บอกอยู่ว่าประหารเซียน แต่แม่เป็นแค่มนุษย์ธรรมดา ดังนั้นก่อนแป้งจึงเชื่อที่พ่อบอกเขาเสมอว่าวันหนึ่งแม่จะกลับมา
ก้อนแป้งเฝ้ารอแม่ เขาเชื่อจริงๆ ว่าแม่ไม่มีทางทิ้งพ่อกับเขาไปไหน ยิ่งพ่อดูแลโคมผนึกวิญญาณที่ใช้รวบรวมวิญญาณของแม่อย่างดีเท่าไหร่ ก้อนแป้งก็ยิ่งรู้สึกว่าพ่อรักแม่มากเท่านั้น ไฟในโคมพ่อคอยระวังไม่ให้ดับ เพราะของในวังบนสวรรค์ที่เป็นของแม่ พ่อเอามาเผาที่โคมเพื่อรวบรวมวิญญาณแม่จนหมดแล้ว
แล้วอยู่ๆ วันหนึ่งในงานเลี้ยงของเทพสมุทรบูรพา ก้อนแป้งก็ได้เจอแม่ อย่าให้พูดเลยว่าก้อนแป้งดีใจแค่ไหน แต่ก็แอบแปลกใจนิดหน่อยที่แม่ทำเหมือนจำก้อนแป้งไม่ได้ อาจเป็นเพราะแม่จากไปนาน เลยลืมไปแล้วว่าก้อนแป้งหน้าตาเป็นอย่างไร เอาเถอะ..ต่อไปนี้ก้อนแป้งจะอยู่กับแม่ ไม่ยอมให้แม่จากไปไหนอีก
ก้อนแป้งชวนแม่กลับเผ่าสวรรค์ แต่แม่ไม่ยอมกลับ พ่อบอกว่าตอนนี้แม่เป็นราชินีของชิงชิว คงจะไปอยู่กับก้อนแป้งบนสวรรค์ไม่ได้ ไม่เป็นไร..พ่อจะย้ายตัวเองกับก้อนแป้งไปอยู่ที่ชิงชิวเอง
ย้ายก็ย้าย ก้อนแป้งอยู่ที่ไหนก็ได้ที่พ่อกับแม่อยู่ ดีซะอีกก้อนแป้งจะได้ไปดูว่าตอนเด็กๆ แม่โตมายังไง อ่านหนังสือแบบไหน ตอนนี้ก้อนแป้งมีแต่ตำราที่พ่อให้ บางทีที่ชิงชิวของแม่อาจมีหนังสือสนุกๆ ก็ได้
มาอยู่ที่ชิงชิวแล้ว พ่อก็ยังพาก้อนแป้งเข้านอนเวลาเดิมเหมือนตอนอยู่บนสวรรค์ พ่อไม่ชอบให้ก้อนแป้งไม่มีระเบียบวินัย ทำอะไรต้องเป็นเวลา แต่พอเป็นเรื่องของแม่ พ่อกลับไม่บ่นอะไรแม่ซักคำ ก้อนแป้งเห็นพ่ออมยิ้มเวลามองแม่ ขนาดแม่ทำกับข้าวไม่ได้ พ่อก็ไม่ว่า เดี๋ยวพ่อจัดการเอง
แต่ถ้าเป็นก้อนแป้ง อะไรที่ทำไหวพ่อก็ให้ก้อนแป้งทำเอง อย่างตอนนั้นก้อนแป้งไปเขาหลิงซันเอาอ้อยมาฝากพ่อกับแม่ พ่อยังชมเลยว่าก้อนแป้งเป็นเด็กดี ก้อนแป้งดีใจมากที่พ่อชม วันหลังไปไหนก้อนแป้งจะถือของมาฝากพ่อกับแม่อีก
ก้อนแป้งเป็นเด็กร่าเริง ความคิดสดใส จิตใจน่ารัก อะไรทำให้ก้อนแป้งเป็นอย่างนั้น
ต้องขอบคุณการอบรมเลี้ยงดูที่ทำให้ก้อนแป้งเป็นเด็กดี เด็กๆ เป็นผ้าขาว พวกเขาเติบโตมีสีสันตามที่ผู้ใหญ่ในครอบครัวแต่งแต้มให้เป็น
เยี่ยหัวไม่เลี้ยงลูกแบบตามใจ เขาสอนลูกให้มีระเบียบวินัย ไม่กลัวงานหนัก และรู้จักทำเพื่อคนอื่น เริ่มต้นสอนให้ก้อนแป้งทำเพื่อพ่อแม่ อีกหน่อยเขาจะเผื่อแผ่ทำเพื่อคนรอบข้างได้เอง
เยี่ยหัวสอนก้อนแป้งให้อยู่ในกฎเกณฑ์ แต่ก็ไม่บีบบังคับลูกจนเกินไป เขาปล่อยให้ก้อนแป้งไปอยู่กับคนอื่นบ้าง ออกไปเที่ยวนอกสถานที่ ได้เรียนรู้การใช้ชีวิตในสังคมอย่างที่ควรจะเป็น
เมื่อรู้จักกรอบการดำเนินชีวิตที่ถูกต้อง เด็กๆ จะมีแนวทางให้เดินตาม ถ้าออกนอกกรอบไปบ้าง เขาจะรู้จักหาทางกลับเข้ามาในกรอบใหม่ แต่ถ้าเขาไม่ได้เรียนรู้ชีวิตนอกกรอบเลย เวลาออกไปเจอสถานการณ์จริงๆ เด็กๆ จะตกใจและใช้เวลาปรับตัวนานกว่าเดิม
ลูกคือสิ่งที่พ่อแม่สร้าง เมื่อเขามั่นใจว่าตัวเองอยู่ในความรัก เขาก็จะรู้จักรักคนอื่นและรักตัวเอง กรอบที่มีไม่ใช่กรงขัง แต่เป็นสิ่งที่ทำให้เขาปลอดภัย
เยี่ยหัวนอกจากจะเป็นสามีที่ดีแล้ว เขายังเป็นพ่อที่ดีของก้อนแป้งด้วย เยี่ยหัวไม่เคยเอาปัญหาระหว่างตัวเขาและซู่ซู่มาพูดให้ลูกฟัง กลับพูดถึงแต่สิ่งดีๆ ของแม่ให้ลูกรู้ ลูกเมื่อมั่นใจในความรักของพ่อที่มีให้แม่ เขาย่อมมั่นใจในความรักของครอบครัว สิ่งต่างๆ เหล่านี้ส่งผลให้จิตใจของเด็กแข็งแกร่ง
“เลี้ยงลูกอย่างไรให้สดใสเหมือนก้อนแป้ง” อาจเป็นคำถามสะท้อนกลับ นอกจากมุ่งเน้นที่ตัวเด็กแล้ว การกระทำของพ่อแม่ก็เป็นสิ่งสำคัญในการเติบโตของลูกด้วยเช่นกัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น