เป็นคำพูดที่ครูสอนร้องเพลงถามเด็กๆ ในรายการ Produce 48 รายการที่ผู้เข้าแข่งขันจะอยู่หรือไปขึ้นอยู่กับผลโหวตจากผู้ชมทางบ้านออกอากาศมาแล้วสามซีซัน วันนี้จะขอพูดถึงซีซัน 3 ที่เพิ่งจบไปเมื่อปีที่แล้ว ได้ผู้ชนะมา 12 คน เดบิวต์ในชื่อ Izone
เดบิวต์คืออะไร…การเดบิวต์ในวงการบันเทิงเกาหลีและญี่ปุ่น หมายถึงคนๆ นั้นจะได้โปรโมตเป็นศิลปินเต็มตัว ในวงการเพลงถ้าออกผลงานเดี่ยวเรียกว่า “โซโล”วงผู้ชายคือ “บอยแบรนด์” แต่ถ้าเป็นผู้หญิงเรียก “เกิร์ลกรุ้ป”
ผู้เข้าแข่งขันในรายการนี้หน้าตาน่ารัก เด็กส่วนหนึ่งมาจากค่ายผลิตศิลปินของประเทศเกาหลี และอีกส่วนมาจากวงเกิร์ลกรุ๊ปที่เดบิวต์แล้วอย่าง AKB48 ประเทศญี่ปุ่น
ถ้าใครรู้จักเพลงคุ๊กกี้เสี่ยงทาย “แอบมองเธออยู่นะจ้ะ เธอไม่รู้บ้างเลย…” กลุ่มศิลปินไทยที่ร้องเพลงนี้ก็อยู่ในเครือของ AKB48 ด้วย
ตอนที่จะพูดถึงคือการแข่งในรอบที่ 2 ของรายการ หลังจากที่เด็กทุกคนผ่านรอบแรกมาแล้ว ตอนนี้ล่ะจะเห็นได้ชัดว่าความสามารถของแต่ละคนเป็นอย่างไร
เด็กเกาหลีและญี่ปุ่นต่างกันมาก ฝั่งเกาหลีจะร้องและเต้นเก่งกว่า ตรงข้ามกับเด็กญี่ปุ่นที่ถึงแม้จะเดบิวต์แล้ว แต่การแสดงยังเป็นสไตล์คิกขุอาโนเนะ เน้นความสนุกสนานมากกว่าความพร้อมเพรียงกัน มีไม่กี่คนเท่านั้นที่แสดงได้ดี
วันนี้จะพูดถึงทีม “บูมบายาห์ 2” ที่ถูกก่อตั้งและรวมตัวกันโดยไม่ได้นัดหมาย สาเหตุเพราะไม่มีใครเลือกให้เข้ากลุ่มด้วย จึงถูกจับเอามารวมกัน มีเด็กญี่ปุ่น 4 และเกาหลี 2 คน
คนเก่งที่สุดในทีมคือ “ฮันโชวอน” นอกนั้นอยู่ในฐานที่ต้องทำใจ คนเต้นไม่เก่งแล้วได้เพลงนี้เหมือนโดนน็อคกลางอากาศ แต่เพราะพวกเธอไม่มีสิทธิ์เลือก หลังจากที่แพ้ในเกมส์ที่ผู้ชนะได้รางวัลเป็นการเลือกทีมที่ตนจะแข่งด้วยไป
ทีม “บูมบายาห์ 1” ตั้งใจเลือกพวกเธอ เพราะเห็นแล้วว่าฝีมือน่าจะเอาชนะได้ไม่ยาก ซึ่งทุกคนรวมถึงเด็กๆ ในทีมบูมบายาห์ 2 เองก็รู้สึกแบบนั้น...ไม่น่ารอดแน่ๆ ถ้าใครรู้จักเพลงของ “แบล็กพิงก์” คงพอนึกภาพออกว่าคนจะเต้นเพลงนี้ได้ต้องเก่งขนาดไหน
ในช่วงแรกของการฝึกเด็กๆ ไม่มั่นใจเลย บูมบายาห์เป็นเพลงที่ต้องร้องและเต้นด้วยความมั่นใจ แต่ห้าคนในกลุ่ม (ยกเว้นโชวอน) ร้องพึมพำและเต้นด้วยอาการชักกระตุกแบบเสียขวัญ
เวลาฝึกซ้อมพวกเธอกลัวที่จะเปล่งเสียงออกมา จนครูที่สอนต้องถามว่า “ถ้ามันไม่ใช่สิ่งที่เธออยากทำ เธอจะไม่ลองทำมันเลยใช่ไหม ?”
เด็กญี่ปุ่นในทีมนี้อย่าง “เอริ” และ “มินามิ” ที่ข้ามน้ำข้ามทะเลมาแข่งในรายการต่างชาติถูกดุก็ยิ่งตกใจ แต่ก่อนจะถอดใจหนีไปนั้น คุณครูที่สอนพวกเธอก็พูดต่อว่า
“มาทำมันให้ดีกันเถอะ ครูอยู่ตรงนี้ก็เพื่อช่วยให้พวกเธอทำการแสดงได้ดีขึ้น แต่ถ้าเธอไม่ทำอะไรเลยแล้วครูจะช่วยแนะนำยังไง”
อาจเพราะคำพูดประโยคนั้นและกำลังใจจากเพื่อนทุกคนในทีม (หรือจะเรียกว่าผู้ร่วมชะตากรรมเดียวกันก็คงได้) เด็กๆ เริ่มฝึกร้องและเต้นอย่างตั้งใจ อาจพูดได้ว่าพวกเธอดูมีความสุขมากขึ้นกว่าเดิมด้วย
ในวันแข่งทั้งคนดูและครูต่างก็ลุ้นพอๆ กัน...จะรอดไหมหนอ
ผิดคาด...การแสดงวันนั้นทุกคนในทีมบูมบายาห์ 2 ทำออกมาได้ดี แม้จะไม่หนักแน่นเท่ากลุ่ม 1 แต่กลับดูมีเสน่ห์ ความตั้งใจทำให้การเต้นดูน่ารักและแข็งแรงเท่าที่พวกเธอจะสามารถทำมันออกมาได้
เมื่อถึงเวลาประกาศผลโหวต ทีมบูมบายาห์ 2 คิดไว้แล้วว่าตัวเองคงต้องแพ้ เพียงแต่ไม่รู้ว่าคะแนนจะย่ำแย่แค่ไหน แต่ผลที่ออกมาพลิกผันแบบคาดไม่ถึง พวกเธอชนะด้วยผลโหวตจากคะแนนของผู้ชมในห้องส่งที่เทให้อย่างท้วมท้น
เรื่องนี้บอกอะไรเราได้บ้าง…
อย่างแรก…เวลาเราจะชอบหรือเชียร์ใครสักคนนั้น เราไม่ได้ชอบเพราะเขาเก่งเพียงอย่างเดียว ถ้าไม่อย่างนั้นทีมบูมบายาห์ 1 คงชนะไปแล้ว แต่เราเชียร์ใครเพราะเห็นถึงความมี “อะไร” บางอย่างในตัวคนๆ นั้น
“อะไร” ที่ว่าไม่ใช่ความเก่ง แต่มันคือความตั้งใจ ทุ่มเท และมีความพยายามมากพอที่จะทำให้เราเอาใจช่วย ยิ่งรู้ว่าตัวเองต้องแพ้แต่ก็ยังสู้ต่อ…ยิ่งน่าประทับใจ
อย่างที่สอง…เมื่อถึงเวลาวิ่งตามความฝัน หรือต้องทำอะไรสักอย่างที่ยากจะไปถึง แม้จะหวาดกลัวแต่ก็ขอให้กล้าที่จะเริ่มต้น เพราะกุญแจไขประตูแห่งความสำเร็จมีเพียงดอกเดียวเท่านั้นคือ “การลงมือทำ”
ทำทั้งๆ ที่กลัว ทำทั้งๆ ที่รู้ว่าทำไม่ได้ การเริ่มต้นและหมั่นฝึกฝนจะทำให้สักวันคนๆ นั้นประสบความสำเร็จ
แม้ว่าชัยชนะจะดูงดงามเหลือเกินเวลาที่เราคว้ามันไว้ได้ แต่ในความเป็นจริงของชีวิต จะแพ้หรือชนะไม่สำคัญเท่าสิ่งที่เราควรได้รับกลับมาจากการแข่งขัน สิ่งนั้นคือ “หัวใจของความเป็นนักสู้” ที่เกิดขึ้นจากความกล้าที่จะลงมือทำ ลองดูซักครั้งทั้งๆ ที่กลัว
Credit Video
- ดูวิดีโอซับไทยการเรียนของทีมบูมบายาห์ 2 ได้ที่ URL : https://youtu.be/sYvHN-n6xpg
- ดูวิดีโอการแสดงของทีมบูมบายาห์ 2 ได้ที่ URL : https://youtu.be/e8W7hs95hYI
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น